ถอดเทคโนโลยี Cooltechh Innovation เปี่ยมสุข ยิ่งกว่าบ้านเย็น คือ อยู่แล้วสุขภาพดี
ไม่ต้องบอกก็รู้กันดีว่า แดดเมืองไทยมีชื่อเสียงระดับโลกแ […]
ในยุคที่ผู้คนเริ่มมองหาพื้นที่ใช้ชีวิต “มากกว่าแค่บ้าน” และแสวงหาชีวิตคุณภาพที่จะช่วยให้พวกเขามีความสุข ทำให้แนวคิดแบบ Suburban Living เข้ามามีบทบาทในการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยยุคใหม่
แล้ว Suburban Living คืออะไร?
Suburban Living คือ รูปแบบการอยู่อาศัยที่อยู่ระหว่าง “เมือง” กับ “ชนบท” ซึ่งได้ทั้งบรรยากาศธรรมชาติและความสะดวกของเมือง ผู้อยู่อาศัยยังคงใช้ชีวิตได้ครบครันใกล้ห้าง โรงเรียน โรงพยาบาล แต่อยู่ในโซนที่สงบกว่า ไม่เร่งรีบ ไม่แออัด และยังได้พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าการอยู่ในตัวเมือง
การใช้ชีวิตแบบ Suburban Living กำลังได้ความนิยมทั่วโลก รวมถึงเมืองไทย หากมองในมุมผู้อยู่อาศัย การใช้ชีวิตแบบ Suburban Living ไม่ใช่แค่การย้ายบ้านไปอยู่นอกเมืองหรือชานเมือง แต่คือ “ย้ายวิธีคิด” ไปสู่การใช้ชีวิตที่มีคุณภาพและสมดุลมากขึ้น ได้อยู่ใกล้ธรรมชาติ แต่ยังมีห้าง โรงเรียน โรงพยาบาลคุณภาพครบในรัศมีไม่กี่กิโลเมตรจากที่อยู่อาศัยของตัวเอง
ปัจจุบันมีโครงการบ้านแนวราบดีไซน์หรูในโซน Suburban มากมาย อย่าง บางนา-ตราด, ราชพฤกษ์-พระราม 5, สุวรรณภูมิ, วงแหวนตะวันตก, รามอินทรา, วัชรพล, ลาดกระบัง รวมไปถึงนนทบุรี, ปทุมธานี, รังสิต ฯลฯ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะตอบโจทย์ครอบครัวและคนรุ่นใหม่
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจไปอยู่ชานเมืองมากขึ้น มีสาเหตุหลักๆ ได้แก่
1.คนเมืองโหยหาความสงบ : หลังจากใช้ชีวิตท่ามกลางความวุ่นวายใจกลางเมืองมานาน หลายคนเริ่มมองหาบ้านที่อยู่ไกลจากย่าน CBD แต่ยังเดินทางสะดวก เช่น โซนบางนา, ราชพฤกษ์, วัชรพล, ลาดกระบัง, พระราม 2, นนทบุรี, ปทุมธานี เป็นต้น ซึ่งยังเป็นทำเลที่ยังมี “พื้นที่” ให้สร้างบ้านใหญ่ ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าใจกลางเมือง
2. พื้นที่คือคำตอบ : บ้านแนวราบที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ กลายเป็นตัวเลือกหลักของคนทำงานที่ต้องการ Work from Home หรือครอบครัวที่ต้องการพื้นที่สำหรับเด็กเล็ก พื้นที่ทำงาน พื้นที่ทำสวน ไปจนถึงการมีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ที่กำลังตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนคนสำคัญในครอบครัว (Pet Humanization) ฯลฯ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่คอนโดใจกลางเมืองไม่สามารถตอบโจทย์ได้ครบ แถมการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยบนทำเล Suburban ก็ทำให้เจ้าของบ้านได้ฟังก์ชั่นมากขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลง
3. เทคโนโลยีช่วยให้ชีวิต Suburban ไม่ไกลเกินเอื้อม : การเดินทางที่สะดวกขึ้น เช่น ทางด่วน รถไฟฟ้า การสั่งของออนไลน์ หรือบริการเดลิเวอรี่ต่างๆ ทำให้การใช้ชีวิตใกล้เมืองไม่ลำบากเหมือนในอดีต เรียกได้ว่า “ไม่จำเป็นต้องอยู่ใจกลางเมือง ก็ยังใช้ชีวิตได้ครบ”
การใช้ชีวิต Suburban Living ถือว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตคุณภาพในหลายๆ มิติ และให้คุณภาพชีวิตมากกว่าที่ใครบางคนคาดถึง ได้แก่
1.Balance between tranquility & comfort สร้างสมดุลระหว่างความสงบกับความสะดวกสบาย : เพราะไม่วุ่นวายเท่าเมืองใหญ่ แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และอาจจะมีพื้นที่สำหรับปลูกผัก ทำสวนเล็ก ๆ หรือเลี้ยงสัตว์เลี้ยง สำหรับในบางโครงการ
2.More space, More convenience พื้นที่กว้างขึ้น ใช้ชีวิตสบายขึ้น : เนื่องจากบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมในทำเลลักษณะนี้ จะได้พื้นที่ใช้สอยในบ้าน ไปจนถึงพื้นที่สีเขียวและส่วนกลางที่มากขึ้น
3.Urban Family Relaxing Life เหมาะกับครอบครัวและไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการใช้ชีวิตพักผ่อนในบ้านของตัวเอง : เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ปลอดภัย เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบครอบครัว
4.Convenient transportation การเดินทางสะดวก แม้อยู่ชานเมือง : เนื่องจากการขยายตัวของโครงข่ายคมนาคม รถไฟฟ้า ทางด่วน ที่เชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ได้ง่ายขึ้น
5.Living with Nature บรรยากาศผ่อนคลาย ใกล้ชิดธรรมชาติ : เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ชานเมือง ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสพื้นที่สีเขียวมากขึ้น อากาศปลอดโปร่ง ลดฝุ่นและมลพิษจากเมือง
6.Quality Community ชุมชนคุณภาพ ไม่แออัด : ส่วนใหญ่โครงการในโลเคชั่นลักษณะนี้ออกแบบให้มีจำนวนยูนิต ไม่หนาแน่น จึงเกิดความเป็นส่วนตัว
7.Work-life balance ตอบโจทย์ตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ (Hybrid Work) : เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยของทำเลแถบนี้ มักมีการออกแบบพื้นที่อเนกประสงค์ ที่สามารถปรับเป็นพื้นที่ทำงานจากบ้านได้สะดวก หรือมีห้องทำงานเป็นสัดส่วน หรือใช้ Co-working space ในโครงการ แม้กระทั่งโลเคชั่นของโครงการก็เดินทางเข้าเมืองสะดวก ลดเวลาการใช้เวลาบนท้องถนน ทำให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
8.Community-Driven Lifestyle : จากการศึกษาวิจัยหลายๆ แห่งพบว่า ผู้อยู่อาศัยในเขตชานเมืองมีแนวโน้มที่จะรู้จักและไว้วางใจเพื่อนบ้านมากกว่า ดังนั้นผู้อยู่อาศัยจะได้อยู่ในสังคมที่เป็นมิตร เพื่อนบ้านรู้จักกันมากกว่าการอยู่คอนโดในเมือง อีกทั้งส่วนกลางของโครงการ ก็เอื้อให้ทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ คลาสโยคะ กิจกรรมครอบครัว หรือเวิร์กช็อปต่าง ๆ
9.Lifestyle สาย Active & Outdoor : อย่างที่บอกว่าการใช้ชีวิตแบบ Suburban Living ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้พื้นที่มากกว่า เปิดทางเลือกที่มากกว่าสำหรับสายออกกำลังกาย ทำให้มีพื้นที่ได้วิ่ง ออกกำลัในฟิตเนสกว้างๆ ว่ายน้ำ หรือแม้แต่ไปสนามกอล์ฟในระยะขับรถสั้น ๆ ไปจนถึงสามารถไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติใกล้ๆ หรือพาครอบครัวแคมป์ปิ้งใกล้ ๆ
10.Weekend Hangout ในย่านชานเมือง : ใช้ช่วงวันหยุดก็มีโอกาสที่จะได้ใช้เวลาเดินเล่นในตลาดท้องถิ่น สัมผัสประสบการณ์ใหม่ คาเฟ่ในสวน หรือร้านอาหารสไตล์ Local
ดังนั้นการอยู่อาศัยแบบ Suburban Living จึงอาจจะไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่จะกลายเป็น “ทางหลัก” ของกลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่ ซึ่ง ‘เปี่ยมสุข’ แบรนด์ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 40 ปี พร้อมสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัย เพื่อมอบคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูกบ้าน ไม่ใช่แค่การส่งมอบบ้านที่ดี สังคมคุณภาพ และต้องการส่งต่อ “ความสุขที่จะให้ลูกบ้านมีอิสระที่จะเลือกความสุขในแบบของตัวเอง พร้อมสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ที่จะมาช่วยเชื่อมความสุขให้ทุกชีวิต
———————————–
“THE REAL HAPPINESS IS FREEDOM”
“ความสุขที่แท้จริง คือความเป็นอิสระ”
————————————
#PieamsukFamily #เปี่ยมสุข #Pieamsuk
#Pieamsuksustain #เปี่ยมสุขเชื่อมสุขให้ทุกชีวิต #SuburbanLiving #SlowLife
———–———–
อ้างอิง