ถอดเทคโนโลยี Cooltechh Innovation เปี่ยมสุข ยิ่งกว่าบ้านเย็น คือ อยู่แล้วสุขภาพดี
ไม่ต้องบอกก็รู้กันดีว่า แดดเมืองไทยมีชื่อเสียงระดับโลกแ […]
ในยุคที่ความเร็วและเทคโนโลยีเป็นสิ่งโอบล้อมชีวิตเราในทุกย่างก้าว มนุษย์เริ่มรู้สึกขาดการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เราเผชิญกับความเครียดจากการใช้ชีวิตในสังคมที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เวลาในการแสวงหาธรรมชาติที่เคยอยู่เคียงข้างเรากลับเริ่มเบาบางลง Biophilic Design หรือการออกแบบที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ กลายเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ความปรารถนานั้นได้อย่างลงตัว
Biophilic Design คืออะไร?
Biophilic Design คือการนำธรรมชาติมาผสมผสานกับการออกแบบสถาปัตยกรรมและพื้นที่ใช้สอย เพื่อให้ผู้คนสามารถสัมผัสถึง “ความงดงาม” และ “พลังของธรรมชาติ” ในทุกๆ วัน การออกแบบในรูปแบบนี้ไม่เพียงมีส่วนช่วยให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ แต่ยังช่วยเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย ความสงบและความมีชีวิตชีวาในพื้นที่ที่อยู่อาศัยและทำงาน
การออกแบบที่มี Biophilic Design จะมีการใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือกระจก มาสร้างบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้ในอาคาร การใช้แสงธรรมชาติ และการผสมผสานองค์ประกอบธรรมชาติอื่นๆ เช่น น้ำ ไฟ และการออกแบบการหมุนเวียนของอากาศ เพื่อสร้างพื้นที่ที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตและกายของผู้ใช้พื้นที่อีกด้วย
ความโหยหาของมนุษย์กับธรรมชาติ: ความเข้าใจความต้องการที่ลึกซึ้ง
มนุษย์ไม่ได้แค่ต้องการที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบาย แต่ต้องการสิ่งที่มีความหมายมากกว่านั้น ความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ คือสิ่งที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางจิตใจและอารมณ์ ทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจากโลกภายนอก เพราะธรรมชาติเองมีพลังที่สามารถเยียวยาจิตใจและช่วยเติมเต็มความสุขได้
Biophilic Design จึงไม่ใช่แค่การเติมต้นไม้หรือการตกแต่งภายในด้วยวัสดุที่ดูสวยงาม แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 และทำให้เรารู้สึกถึงการเชื่อมโยงกับโลกธรรมชาติทุกครั้งที่เราก้าวเข้ามาในพื้นที่นั้นๆ
การออกแบบที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ: ความสุขที่แท้จริง
จินตนาการภาพพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแสงแดดธรรมชาติที่ส่องลงมาภายในบ้าน สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสดชื่น ต้นไม้สีเขียวที่ล้อมรอบช่วยทำให้ความเครียดและความวิตกกังวลลดลง เสียงน้ำที่ไหลผ่านในสวนภายในบ้านช่วยทำให้เราเกิดความสงบ แม้แต่แค่การเดินเข้าไปในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ก็มอบความรู้สึกเหมือนกับการกลับไปสู่ที่บ้านที่แท้จริง
แนวทางการออกแบบ Biophilic Design จะช่วยสร้างประสบการณ์เหล่านี้ในทุกๆ วัน ไม่แค่เห็นต้นไม้ ดอกไม้ หรือใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิต แต่สามารถรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติได้ในทุกรายละเอียดของชีวิต การสัมผัสกับธรรมชาติไม่เพียงแต่ช่วยให้เรารู้สึกดี แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วย
จากการวิจัยพบว่า การอยู่ในพื้นที่ที่มีการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ช่วยลดระดับความเครียดได้จริง และยังช่วยเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย ลดความดันโลหิต และลดอาการวิตกกังวล การมีพื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และการไหลเวียนของน้ำ ทำให้เราสามารถเผชิญกับความเครียดได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสามารถมอบให้เราได้
Biophilic Design: สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Biophilic Design ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการออกแบบที่อยู่อาศัยหรือสำนักงาน แต่ยังเกี่ยวข้องกับการออกแบบที่ช่วยให้ชีวิตของเรามีคุณภาพที่ดีกว่าเดิม การใช้พื้นที่ที่มีการเชื่อมโยงกับธรรมชาติทำให้สร้างสมาธิที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
การอยู่ในสถานที่ที่สามารถเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้มากขึ้น ทำให้ไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล บรรยากาศของธรรมชาติที่ดีช่วยทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายโดยตรง การใช้พื้นที่ที่ออกแบบตามแนวคิด Biophilic Design จึงช่วยให้เราได้สัมผัสกับความสุขที่แท้จริงในชีวิตประจำวัน ผ่านองค์ประกอบของธรรมชาติหลายมิติ อาทิ
แสงธรรมชาติ: การออกแบบอาคารให้สามารถรับแสงแดดจากธรรมชาติได้มากที่สุด ไม่เพียงแค่ทำให้พื้นที่ดูสว่างและสดชื่น แต่ยังช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและกระดูก
พืชพรรณ: การใช้ต้นไม้ในพื้นที่ภายใน เช่น การสร้างสวนแนวตั้ง หรือติดตั้งพืชพรรณในพื้นที่อาศัย ไม่เพียงแค่ช่วยให้พื้นที่ดูสดชื่นและเป็นมิตรกับธรรมชาติ แต่ยังช่วยฟอกอากาศ ลดเสียงรบกวน และเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสดชื่น
น้ำ: การติดตั้งน้ำตกหรือลำน้ำจำลองในพื้นที่ต่างๆ ช่วยสร้างเสียงที่ผ่อนคลาย และมีผลดีในการลดความเครียด และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของผู้ที่อยู่ในพื้นที่นั้น
วัสดุธรรมชาติ: การเลือกใช้วัสดุที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือกระจก ช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิดกับธรรมชาติ และยังช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งการมอง การสัมผัส และการฟัง
Biophilic Design กับความยั่งยืน
Biophilic Design ไม่ได้เป็นแค่การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในอาคาร แต่ยังส่งผลดีต่อการลดการใช้พลังงาน การออกแบบที่ใช้แสงธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการใช้พลังงานจากไฟฟ้า การเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืนและมาจากธรรมชาติช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองช่วยลดปัญหาผลกระทบจากปรากฏการณ์เกาะความร้อนที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่
ในอนาคต Biophilic Design จะมีบทบาทสำคัญในการออกแบบสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการออกแบบ Biophilic Design จะช่วยเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้มากขึ้นในทุกๆ สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สำนักงาน หรือพื้นที่สาธารณะ ไม่ใช่แค่การตอบสนองต่อความต้องการทางจิตใจของมนุษย์ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างพื้นที่ที่ยั่งยืนและเคารพต่อธรรมชาติในระยะยาว เพื่อที่จะส่งต่อโลกใบนี้ให้กับคนรุ่นถัดไป
ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 40 ปี เปี่ยมสุข จึงไม่ใช่แค่สร้างบ้าน แต่ตั้งใจส่งมอบพื้นที่ความสุขแบบอิสระที่จะเชื่อมโยงความสุขของคนทุกคน ทุกโครงการของเปี่ยมสุข ไม่เพียงมีการผสมผสานวัสดุที่มีคุณภาพ แต่ต้องการสร้างให้ทุกพื้นที่-ทุกชีวิตอยู่แล้วมีความสุข และสบายใจ โดยมีการสอดแทรกแนวคิดของการออกแบบ Biophilic Design เข้าไปในที่อยู่อาศัยทุกโครงการ
เพราะ Biophilic Design จะไม่ใช่แค่เทรนด์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางการออกแบบที่คำนึงถึงการเชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้กลับไปไปพบกับธรรมชาติ และทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ามากขึ้นในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความเร่งรีบ
———————————–
“THE REAL HAPPINESS IS FREEDOM”
“ความสุขที่แท้จริง คือความเป็นอิสระ”
————————————
#PieamsukFamily #เปี่ยมสุข #Pieamsuk
#BiophilicDesign #WellbeingCommunity
#Pieamsuksustain #เปี่ยมสุขเชื่อมสุขให้ทุกชีวิต